ความฝัน (Dreaming')

"อยากให้เธอกลับมาจัง" เสียงในสมองฉัน พร่ำบอกอยู่ตลอดเวลา คงไม่มีทางที่เธอจะกลับมาจริงๆ แล้วสิ ฉันยังสับสนอยู่กับคำว่ารัก ตกลงว่ามันเป็นคำที่มีความหมายในด้านไหนกันแน่ ??

  คืนนี้สายลมอ่อนๆ พัดปริวเข้ามา ฉันนั่งเช็คกล่องข้อความ และคำอวยพรจากเพื่อน ๆ ในเฟสบุ๊ก สายตาเฝ้าควานหา คำอวยพรของใครคนหนึ่งที่ฉันเฝ้าคอย สายตาเหม่อลอย โลเล จนใจเริ่มหวั่นๆ ความเหนื่อยล้า หลังจากฉลองวันเกิดกับเพื่อนๆ ทำให้ฉันอยากพักผ่อนมากจริง ๆ

 เพลงสากลทำนองเบาๆ เบลอๆ ฉันฝังไม่ค่อยจะรู้เรื่องเท่าใหร่ดังขึ้น แต่พอจับใจความได้ว่า '' ลา ลัล ลา เธอมา และ เธอก็ไป ความรักเป็นเช่นใด หรือแค่เพียงฉันฝันไปเท่านั้นเอง " หันหลังกลับไปมองคุณยายนอนมองฉันตาใสเเจ๋ว มีแอบบ่นว่า "ไปนอนได้แล้ว ตัวเล็ก มันดึกแล้วนะลูก.." ฉันตอบไปเพียงแค่;ว่า "อื้ม"....

  ความเงียบกลับเข้ามาอีกแล้ว เสียงเพลงที่ดัง ขาดๆ หายๆ เพราะอินเทอร์เน็ตจากแดนไกล เพิ่งตะเกียกตะกาย พะเงิบพะงาบมาถึงเสาสัญญานน้อยๆ ของบ้านกลางทุ่งนา "ฝนตกอีกแล้วสิ!!" ฉันพึมพรำ
ไม่มีอะไรน่าเบื่อไปกว่าการเล่นอินเทอร์เน็ตตอนฝนตกอีกแล้ว ... ขณะที่ฉันกำลังวุ่นวายอยู่กับการขยับเสาสัญญาน ซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรเลย... ฉันก็นึกขึ้นได้แบบปรู๊ดปร๊าด ถึงเรื่องการเดินทางของฉันในวันพรุ่งนี้ "โอ้~ ฉันลืมไปเลยว่ากระเป๋ายังไม่ได้จัด ความวุ่นวายเริ่มทวีคูณขึ้นเรื่อย กลายเป็นความสับสน ความขี้เดียจกดดันฉันอย่างแรง ทั้งที่ตัวเองเป็นวัยรุ่นอายุยังน้อย แต่ทำไมเรี่ยวแรง ไม่ยักจะมี...

  เฮ้อ ... ฉันถอนหายใจอย่างแรง ก่อนจะเอามือทุบเบาๆที่ต้นคอ เพื่อคลายความเมื่อย และเอนกายลงบนเตียงนุ่มๆ ลูกตาสองข้างกรอกกลิ้งไปมา ทุกอย่างหนักอึ้งจริงๆ ทั้งเรื่องความรัก เรื่องเรียน สารพัดเรื่องที่ถาโถม ฉันเริ่มนึกเบื่อชีวิตวัยรุ่นอย่างจังแล้วสิ ... ในสมองคิดเรื่องราวเป็นร้อยเป็นพัน มโนภาพไปต่างๆนาๆ ฉันเริ่มคิดอีกครั้ง คิดๆๆ จนกระทั่ง เหมือนฉันกึ่งหลับกึ่งตื่น มีเสียงหนึ่งดังลั่นอยู่ในหัว เสียงนั้นชวนขนลุกเล็กน้อย ฉันพยายามลืมตามองแต่ก็ลืมไม่ได้...ในใจนึกหวั่น

  เสียงน้ั้นก็ยังคงดังต่อไป จนกระทั่งสายตาฉันเริ่มสว่างขึ้นมา สว่างพอจะเห็นภาพได้ลางๆ ภาพที่เห็นตรงหน้าเป็นกระรอกตัวหนึ่ง กำลังเดินเข้ามาหาฉัน ในใจก็คิดเพียงแค่ว่า มันเข้ามาในห้องของฉันได้อย่างไร?? ฉันเอามือปัดไล่มันไป แต่มันก็ยังตรงดิ่งมาที่ฉัน สายตาของมันเริ่มไม่น่ารักเหมือนตัวมันอีกแล้ว ฉันถอยหลังล่นตัวออกห่าง จนติดขอบกำแพง เจ้ากระรอกนั้นก็ยังเข้ามาใกล้ ไม่ขาดระยะ
 
 ความสยองของมันยังไม่จบเพียงแค่นั้น สายตาที่ดำคล้ำกลับกลายเป็นแดงเดือด  กรงเล็บหนายาวเหมือนเฟร้ดดี้ ครูเกอร์ ฉันหยิบข้าวของทุกอย่างปาใส่มัน มันเองก็ไม่ย่อท้อ และยอมจำนนเลย กลับหลบกหลีกสิ่งของต่างแล้วตรงปรี่เข้ามา เล็บของมันตะกรุยมาบนร่างกายของฉัน ช่างเจ็บปวดทรมาณอะไรเช่นนนี้ ฉันกรีดร้องออกมาดังลั่น " ช่วยด้วยยยยยย!!!!!! " ในใจรนรานจนถึงที่สุด ภาพต่างๆ ถาโถมฉันเข้ามาเหมือนคลื่นซัดคนที่ไม่มีแรงจะว่ายน้ำ ใกล้จะจมยังไงยังงั้น ภาพของเด็กสาวกับช่อดอกไม้ ภาพของเลือดสดๆ จากแขนของฉัน ภาพชายคนหนึ่งผลักไสฉัน ภาพของเกรด 0 อะหล่างฉ่าง ภาพของความทุกข์ทรมาณ ปรากฎมา แบบภาพสามมิติ เหมือนฉันนั่งดูอยู่ในโรงหนังยังไงยังงั้น ...

  เวลาผ่านไปนับช่วงโมงได้ ฉันเริ่มเหนื่อยและหมดแรง เหมือนมันจะขาดใจตายอยู่ตรงนั้น ... นับได้สามวินาทีก่อนฉัน จะหมดสติไป แสงสว่างหนึ่งเชิดชายขึ้นมา มันสว่างยิ่งกว่าแสงไฟนีออนตามบ้าน สว่างยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ แสงสีขาววาบนั้น ฉันสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น ความสดชื่น การเริ่มต้นใหม่ ภาพๆ ต่างๆ จากที่เคยซัดเข้ามาเหมือนคลื่นพายุร้าย สงบลงอย่างแผ่วเบา แต่มันกลับค่อยลอยผ่านมานุ่มๆเหมือนสายลมแผ่วเบาในฤดูหนาวยังไงยังงั้น ... ฉันรู้สึกถึงความสุข เมื่อเห็นภาพหญิงสาวคนหนึ่ง รับปริญญา เธอกอดแม่ของเธอแน่น ครอบครัวของเธอดูมีความสุขกันมาก ต่อจากนั้นภาพก็ได้ฉายไปในตอนที่หญิงสาวคนนั้นทำงานอยู่ในบริษัทใหญ่โต มีลูกน้อง และเพื่อนฝูงมากมาย ภาพค่อยๆเลื่อนไป จนถึงตอนที่เธอพบกับชายคนหนึ่ง ดูเหมือนตอนนี้เธอจะมีความสุขมากกว่าปกติ  ฉันค่อยๆ พูดแขวะเบาๆ อย่างรู้ทันว่า " ตานั่น ถ้าไม่ใช่ลูกค้า ก็ไม่อาจจะเป็นอะไรไปได้นอกจากคู่ชีวิตน่ะสินะ " ภาพค่อยๆ เลื่อนผ่านไปเรื่อยๆ

   ในเวลาที่ฉันได้ดูภาพของหญิงสาวคนนี้ ฉันมีแต่ความสุข ความสุขเล็กๆ ที่ได้เห็นชีวิตของใครบางคนที่กำลังดำเนินไปได้สวย จนกระทั่ง ภาพนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหมือนจะบอกว่า นี่คือตอนจบของละครเรื่องนี้แล้วนะ ภาพหญิงชรานอนอยู่บนเตียง ทำให้ฉันรู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น ในใจฉันรู้สึกถึงความหดหู่ทันที ...

   ครอบครัวของหญิงชราคนนั้น มารายล้อมรอบเตียงของเธอ เหมือนจะมาบอกลาเธอเป็นครั้งสุดท้าย ลมหายใจของเธอแผ่วเบาลงทุกที ก่อนที่เธอจะสิ้นใจจากไป และบรรยากาศที่ครุกลุ่นไปด้วยกลิ่นอายของความโศกเศร้า เสียใจ ฉันรู้สึกสลดกับภาพที่เห็นนั้นมาก ภาพค่อยมืดลงๆ และแล้ว แสงสว่างก็เริ่มฉายขึ้นอีกครั้ง ชายในชุดขาวเดินตรงมาที่ฉัน ท่าทางของเขาดูสงบนิ่งจริงๆ ฉันไม่เคยเห็นเขามาก่อน

  ชายคนนั้นเดินตรงมาหาฉัน ก่อนจะหยุดยืน และยื่นมือมาแตะที่ไหล่ของฉัน ชายคนนั้นกล่าว " เด็กน้อย สิ่งที่เธอเห็น คือสิ่งที่เธอเป็นอยู่ บางทีเธออาจจะกำลังสับสน หรือกำลังหวาดกลัว รู้สึกเสียใจกับภาพที่เธอได้เห็น แต่เธอจะเข้าใจ เมื่อเธอรู้ว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอในฝัน มันจะเกิดขึ้นกับเธอในโลกความจริง " ฉันถามกลับไปด้วยความสงสัย "คุณ คือใคร?? พระเจ้าหรอค้ะ "  เขาไม่ตอบคำถามใด ๆ ก่อนจะเดินหายไปในแสงจ้านั้น ก่อนที่แสงสว่างนั้นจะลดลง ลดลง เสียงหนึ่งก็ดังก้องออกมา " ฉันคือคำตอบของความสงสัยของเธอไงเด็กน้อย "  แสงสว่างนั้นระเบิดตู้มมม!!!! ก่อนที่แันจะตื่นขึ้นมา แล้วพบว่าทั้งหมดฉันเองได้ฝันไป...

 ฉันได้แต่ดีใจที่ทุกอย่างเป็นเพียงแค่ความฝัน ฉันลุกขึ้นจากเตียงเตรียมตัวจะไปอาบน้ำ และแล้วสิ่งที่ฉันไม่หวัง และไม่ต้องการให้เป้นมันก็เกิดขึ้น เมื่อฉันพลิกข้อแขนที่รู้สึกแสบ และเสียวแปร๊บ!! ออกมาดู สิ่งที่เห็นคือรอยเลือดซิบๆ เหมือนมีรอยเล้บขูดเป็นทางยาว ฉันผวากับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนนะวิ่งเข้าห้องน้ำไป
ในห้องน้ำ... ฉันค่อยเปลื้องผ้าออกจนหมดก็พบรอยฝกช้ำ น้อยๆ เต็มไปหมด ฉันพยายามจะไม่คิดมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น พยายามควบคุมสติไม่ให้กระเจิงไปมากกว่านี้ ฉันวิ่งไปที่กระจกเพื่อดูลอยที่ฉันมองไม่เห็น แต่ภาพที่ฉันกำลังจะเห็นต่อไปนี้อาจทำให้ฉัน เกลียดกลัวความฝันตลอดไป...

  ภาพในระจกที่ฉันเห็น ทำให้ฉันพูดไม่ออก ขาของฉันชา ใบหน้านั้นเย็นชืด เหมือนน้ำแข็งที่เย็นจัด เย็นจนฉันไม่รู้สึกถึงอะไรอีกแล้ว หัวใจของฉันดับวูบ เหมือนมันร่วงลงกองอยู่บนพื้น สายตาของฉันได้แต่จับจ้องอยู่กับใบหน้าที่เหี่ยวย่นของตนเอง น้ำตาของฉันไหลพราก " มันเกิดอะไรขึ้น?? มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน!!?"  ฉันกรีดร้องลั่น ก่อนจะหมดสติไป
 
  ภาพแรกที่ลืมตาขึ้นมาเห็น หลังจากได้สติ คือภาพของญาติมากมายมารวมตัวกัน บ้างฉันก็คุ้น หน้าบ้างฉันก็ไม่เคยเห็น แต่ความรู้สึกเหมือนเคยพบเจอกันมาก่อน  ฉันถามคำถามพวกเขา " มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน" หญิงสาวคนหนึ่งยิ้มเบาๆ และตอบว่า "คุณย่าได้หลับไปครั้งนึงตอนคุณย่าอายุ 16 ปี จนกระทั่ง คุณย่าได้ตื่นมาตอนอายุ 26 มีพวกเรา ใช้ชีวิตอีก 10 ปี  และคุณย่าก็หลับไปอีก ตอนนี้คุณย่าอายุ 120 ปี รวมเวลาแล้ว คุณย่าได้หลับไปกว่า  84 ปี นานมากทีเดียว " ฉันถาม " แล้วคุณแม่ฉันล่ะ?? " หญิงสาวตอบ ''ท่านได้จากไป ตั้งแต่คุณย่าอายุได้ 45 ปีแล้วล่ะค่ะ " ฉันได้แต่นิ่งเงียบไม่พูดสิ่งใด  ในตาจ้องมองไปนอกหน้าต่าง พวกเขาค่อยเดินจากฉันไป ก่อนความเงียบเหงาจะเข้ามาสิงสู่ฉันอีกครั้ง

สิ่งที่ฉันเห็นในตอนนี้ แตกต่างจาก โลกที่ฉันเคยเห็นอย่างมาก ไม่มีต้นไม้ใบหน้า ไม่มีแม้แต่ก้อนเมฆ หรือท้องฟ้าที่สดใส มีเพียงท้องฟ้า ที่ติดแสงเทียมจากนอกอวกาศอันไกลโพ้น ฉันมองไม่เห็นดวงอาทิตย์ดวงเดิมอีกต่อไปแล้ว ความรู้สึกหดหู่ ตรึงอยู่ในส่วนลึกด้านใน ฉันค่อยๆ ขยับก้าวลงจากเตียง หอบเอาร่างอันเปราะบางใกล้สูญสลาย เดินไปตามทาง ... สายน้ำเกลือไม่ได้ใช้คานค้ำเหมือนสมัยก่อนอีกต่อไป มีเพียงไมโครชิพ และเครื่องประหลาดๆ ลอยตามทางที่ฉันเดินไป

ฉันคิดถึงโลกที่สดใสของฉัน ฉันคิดถึงช่วงเวลาที่โลกมันเป็นจริงมากกว่านี้  เดินตาทางมาจนถึงดาดฟ้าตึกรูปทรงประหลาด ฉันนั่งอยู่บนขอบตึกสูงเสียดฟ้านั้น  นั่งคำนึงถึงภาพความทรงจำที่งดงาม เมื่อครั้งยังเด็ก ฉันเห็นท้องฟ้า ฉันเห็นดวงดาว ฉันสัมผัสได้ถึงสายลม ต้นหญ้าที่กระจายกลิ่นฟุ้งตลบไปทั่ว ณ ตอนนี้ ฉันไ่ม่อาจสัมผัสได้ถึงสิ่งนั้นอีกแล้ว  มีเพียงท้องฟ้าที่เวิ้งว้าง มีเพียงแสงจากไฟ สร้างขึ้นเพื่อทดแทนแสงอาทิตย์เท่านั้น" พวกเขาเก่งจริงๆ ที่สร้างอะไรที่ท้าทายแบบนั้นมาได้ แต่พวกเขาลืมคำนึงถึงบางสิ่ง บางสิ่งที่อาจสำคัญกว่าการมีขีวิตอยู่ไปวันๆ สิ่งนั้นอาจหมายถึง สิ่งที่เป็นมากว่าชีวิต ความสุขในการมีชีวิตอยู่ ใช่แล้ว " ฉันรำพึงในใจ ภาพสุดท้ายที่แวบเข้ามาในหัวฉัน เป็นภาพที่ฉันใช้ชีวิตอย่างมีความสุข กับสิ่งที่เป็นจริง สิ่งที่ทำให้ฉันมีความสุขได้จริงๆ สิ่งที่สัมผัสจับต้องได้ สิ่งที่ได้มาจากความพยายาม ...

วินาทีนี้ ฉันกำลังร้องไห้ แต่น้ำตามันไม่ไหลอีกต่อไป จะมีน้ำตาหลงเหลืออยู่ใน หญิงแก่อายุ 120 ปีอย่างฉันอีกหรือ?? ฉันหัวเราะตัวเองเบา ๆ ก่อนจะหลับตาลง แล้วตะโกนบอก เจ้าเครื่องประหลาดนั่นว่า "ปิดระบบการทำงาน " เจ้าเครื่องประหลาดนั่น ถามย้ำฉันหลายรอบว่า "คุณแน่ใจแล้วหรือ " ฉันสั่งเป็นครั้งสุดท้าย หลัวสิ้นเสียงของหญิงชรา ภาพทุกอย่างวนกลับมาตอนที่ฉันพบ ชายหนุ่มคนนั้น

ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มให้ฉัน ฉันวิ่งเข้าไปหาเขา และร้องขอชีวิตฉันคืน " ฉันอยากตื่นจากความฝันนี้เสียที ฉันอยากได้ชีวิตฉันคืน ฉันอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ ฉันอยากทำให้ชีวิตฉันมันดีกว่าสิ่งที่ฉันได้พบเจอในความฝัน " ชายคนนั้นกล่าว " เธอเข้าใจคำว่าคุณค่าของชีวิตหรือยัง?? " ฉัน " แน่นอนค่ะ ฉันรู้ซึ้งถึงมันแล้วล่ะ " ชายคนนั้นหัวเราะดังลั่น ก่อนจะจูงมือฉันไปสถานที่หนึ่ง เป็นหน้าผาสูง เขาชี้ให้ฉันเห็น ชีวิตใครหลายๆคนที่ติดพันอยู่กับบางสิ่งมากเกินไป น้อยเกินไป และบางคนมีชีวิตที่เลวร้าย และเลวร้ายที่สุด ฉันมองดูอย่างสลดใจ ก่อนที่ฉันจะหันหลังไปถามเขาว่าทางกลับบ้านฉันอยู่ไหน เขาก็ผลักฉันตกจากหน้าผา ก่อนจะตะโกนมาไกลๆว่า  "ชีวิตเธอ ขึ้นอยู่กับเองแล้ว อย่ากลับมาหาฉันอีกล่ะ ฮ่าๆๆ "

หลังสิ้นเสียง แันสะดุ้งตัว ตื่นขึ้นมา ฉันรีบวิ่งเข้าไปส่องกระจกในห้องน้ำ ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ฉันกลับมาเป็นเด็กหญิงวัย 16 อีกครั้ง กลับมามีชวิตชีวาอีกครั้ง หลังจากรู้ว่าตัวเองเป็นปกติ ก้รีบวิ่งออกไปดูดวงอาทิตยืดวงเก่า ฉันมองมันอย่างกับหมาที่ไม่เคยเจอเจ้าของมานาน เช้านี้ฉันรู้สึกสดใสเหมือนคนบ้า ฉันออกไปทำทุกอย่างที่ฉันไม่เคยทำ และทำในสิ่งที่ตนเองรักเสมอ ฉันได้มอบความรักที่จริงใจ ให้กับครอบครัว เพื่อน หรือคนรู้ใจของฉัน มอบเวลาทั้งหมดนั้นให้พวกเขาเหมือนว่าวันพรุ่งนี้จะไม่มีอีกแล้ว  ฉันรู้สึกพอใจที่ได้ทำทุกอย่างให้กับชีวิตของตัวเอง ได้พบว่า "คุณค่าของชีวิต แท้จริงแล้วมีค่า หรือไร้ค่า ไม่ได้เกิดจาก การกระทำ หรือคำพูดของใคร แต่อยู่ที่ตัว และใจ ความคิดการกระทำของตัวเองทั้งนั้น"  ถึงแม้ตอนนี้ฉันจะอายุเพียงแค่ 16 ปี แต่ความฝันนั้นก็สอนฉันเสมอ "เวลา ความรัก และความสุข เป้นสิ่งที่ไม่ยั่งยืน และเป็นสิ่งที่ไม่อาจได้มาง่ายๆ "

ฉันมีความสุขที่ฉันยังมีชีวิตอยู่หลังความฝันอันยาวนานของฉัน  แล้วคุณล่ะ เคยมีความฝันที่ยาวนานแบบนั้นบ้างมั้ย และคุณล่ะ เคยพบชายแปลกหน้าคนนั้นในความฝันบ้างหรือเปล่า ไม่แน่ว่าคนที่ชายคนนั้นเลือกคนต่อไปอาจจะเป็น "คุณ"



เริ่มต้นใช้ชีวิตแล้วหรือยัง??


M.Morgan Methawee

Comments

Popular posts from this blog

แปลเพลง with or without you

แปลเพลง Somebody Else

แปลเพลง: A Thousand Years